วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

คำสั่งของมารดา

     เมื่อนางแก้วให้กำเนิด หลวงปู่แหวนได้ประมาณ 5 ปี จึงเริ่มป่วย อาการมีแต่ทรงกับทรุด แม้จะได้รับการดูแลอย่างดีจากสามีตลอดจนบิดามารดาก็ตาม นางแก้วต้องทนทุกข์ทรมานอย่างน่าเวทนาอยู่เป็นเวลานาน แต่เนื่องจากเป็นผู้ที่สนใจในการบุญการกุศลยึดมั่นในคุณแห่งรัตนตรัย จึงสามารถควบคุมสติได้โดยตลอด จนกระทั่งเมื่อเห็นว่าจะไม่สามารถทนทุกขเวทนาต่อไปได้อีกแล้ว จึงได้เรียก หลวงปู่แหวน เข้าไปหาและได้จะมือไว้แน่นพร้อมกับกล่าวว่า "ลูกเอ๋ยแม่ยินดีต่อลูก สมบัติใด ๆ ในโลกนี้จะเป็นกี่ล้านกี่โกฏิก็ตาม แม่ไม่ยินดี แม่จะยินดีมากถ้าลูกบวชแล้วก็ให้ตายกับผ้าเหลืองไม่ต้องสึกออกมามีลูกเมียนะ" คำขอร้องของมารดาในครั้งนัันเปรียบเสมือนท่านได้ช่วยชี้ทางสวรรค์ และเป็นพลังใจส่งให้ หลวงปู่่แหวน เดินตามเส้นทางนี้จนบรรลุมรรคผลแม้จะต้องฝ่าฟันต่ออุปสรรคนานัปการและทุกครั้งทางสวรรค์ที่มารดาชี้แนะให้นี้ จะดังก้องอยู่ในความทรงจำของท่านอย่างมิรู้ลืม 
    
     หลังจากนั้นไม่นานมารดาของท่านได้ถึงแก่กรรมด้วยการอันสงบ วิปโยคในครั้งนี้ก่อให้เกิดความเศร้าโศกแก่ หลวงปู่แหวน อย่างที่สุด ซึ่งท่านได้อยู่ในความอุปการะของตาและยายต่อมา จนกระทั่งคืนหนึ่งยายของท่านได้ฝันว่าเห็น หลวงปู่แหวน นอนในดงขมิ้นผิวกายแลดูเหลืองอร่ามไปหมดนับเป็นบุพนิมิตรที่แจ้งเหตุว่า หลวงปู่แหวน จะมีวาสนาในสมณเพศ
    
     เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ยายจึงได้เล่าความฝันให้ฟังว่า "เมื่อคืนนี้ยายนอนหลับ และได้ฝันประหลาดมาก ฝันว่าเจ้าไปนั่งไปนอนหลับอยู่ในดงขนิ้นจนกระทั่งเนื้ัอตัวของเจ้าแลดูเหลืองอร่ามไปหมด ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก ยายเห็นว่าเจ้ามีอุปนิสัยวาสนาในทางบวช ฉะนั้นยายขอให้เจ้าบวชจนตลอดชีวิต และขอให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมามีลูกมีเมีย เจ้าจะทำได้ไหม" ซึ่งหลวงปู่แหวน ได้ตกลงรับตามคำขอร้องนั้นสร้างความปลาบปลื้มยินดีแก่ยายเป็นอย่างยิ่ง
    
     หลวงปู่แหวน มีญาติสนิทเป็นชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแต่มีศักดิ์เป็นน้าและเป็นเพื่อนเล่นที่สนิทกันมาตลอด วันหนึ่งยายได้เรียกน้า และ หลวงปู่แหวน เข้าไปหาแล้วพูดว่า "ยายจะให้เจ้าทั้งสองบวชเป็นเณร เมื่อบวชแล้ว ไม่ต้องสึกเจ้าจะบวชได้ไหม" น้าได้ตอบรับตามที่ยายขอร้องยายจึงหันมาถามหลวงปู่แหวน ว่า "เจ้าเล่า จะบวชอยู่ได้ไหมโดยไม่ต้องสึก" ซึ่ง หลวงปู่แหวน ได้ยืนยันตามความตั้งใจเดิมว่าจะขอบวชจนตลอดชีวิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น